พิธีจับสลากแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2026 ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม กลายเป็นที่ฮือฮา เมื่อทีมชาติอังกฤษถูกจับให้อยู่ใน กลุ่มแอล (Group L) ร่วมกับคู่ปรับตัวฉกาจอย่าง โครเอเชีย ทีมที่เคยเขี่ยพวกเขาตกรอบรองชนะเลิศในฟุตบอลโลก 2018 รวมถึง กาน่า ทีมแกร่งจากแอฟริกา และตัวแทนจากเพลย์ออฟอีกหนึ่งทีม ซึ่งจะประกาศผลในเดือนมีนาคมปีหน้า
ด้าน กลุ่มไอ (Group I) ถือเป็นกลุ่มที่สื่อทั่วโลกจับตามากที่สุด เพราะเป็นเวทีที่แฟนบอลจะได้ชมศึกยอดดาวยิงยุคใหม่ เมื่อ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ จะนำทีมชาติฝรั่งเศสดวลกับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ที่คุมแนวรุกให้ทีมชาตินอร์เวย์ โดยมีตัวแทนจากเพลย์ออฟรอเสริมทัพอีกหนึ่งชาติ
พิธีจับสลากในครั้งนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ หลังมีการยืนยัน 42 ชาติที่เข้าสู่รอบสุดท้ายแล้วสมบูรณ์ เหลือเพียงอีก 6 ทีมสุดท้ายจากรอบเพลย์ออฟ (ยุโรป 4 ทีม และเพลย์ออฟข้ามทวีป 2 ทีม) ซึ่งแม้จะยังไม่รู้ชื่อทีม แต่ถูกกำหนดตำแหน่งให้อยู่ใน โถ 4 เรียบร้อยแล้ว
หนึ่งในกติกาสำคัญ คือ แต่ละกลุ่มจะไม่มีทีมจากทวีปเดียวกันเกิน 1 ชาติ ยกเว้นทวีปยุโรปที่สามารถมีได้สูงสุด 2 ชาติ เพื่อกระจายความแข็งแกร่งของทีมให้สมดุลที่สุด
- “รูเบน อโมริม” ฉุน “ปีศาจแดง” เสมอ เวสต์แฮม 1-1 ชี้ขาดความนิ่งเกมรับ
- เทรนต์ เจ็บซ้ำพักยาว 2 เดือน ส่อชวดลงสนามถึง 13 นัด
- ยาย่า ตูเร่ เปิดใจถึงรอยแค้นที่ไม่มีวันลืมกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ผลแบ่งกลุ่มรอบสุดท้ายทั้ง 12 กลุ่มมีดังนี้
กลุ่ม A :เม็กซิโก (เจ้าภาพ), แอฟริกาใต้, เกาหลีใต้, เพลย์ออฟยุโรป D
กลุ่ม B :แคนาดา (เจ้าภาพ), เพลย์ออฟยุโรป A, กาตาร์, สวิตเซอร์แลนด์
กลุ่ม C :บราซิล, โมร็อคโก, เฮติ, สกอตแลนด์
กลุ่ม D :สหรัฐฯ (เจ้าภาพ), ปารากวัย, ออสเตรเลีย, เพลย์ออฟยุโรป C
กลุ่ม E :เยอรมนี, กือราเซา, ไอวอรี่ โคสต์, เอกวาดอร์
กลุ่ม F :เนเธอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, ตูนิเซีย, เพลย์ออฟยุโรป B
กลุ่ม G :เบลเยียม, อียิปต์, อิหร่าน, นิวซีแลนด์
กลุ่ม H :สเปน, เคปเวิร์ด, ซาอุดิอาระเบีย, อุรุกวัย
กลุ่ม I :ฝรั่งเศส, เซเนกัล, เพลย์ออฟนานาชาติ 2, นอร์เวย์
กลุ่ม J :อาร์เจนติน่า (แชมป์เก่า), แอลจีเรีย, ออสเตรีย, จอร์แดน
กลุ่ม K :โปรตุเกส, เพลย์ออฟนานาชาติ 1, อุซเบกีสถาน, โคลอมเบีย
กลุ่ม L :อังกฤษ, โครเอเชีย, กาน่า, ปานามา